Search

ก่อนจะถูกแบน TikTok จีนเคยแบนอะไรมาก่อนบ้าง
....

  • Share this:

ก่อนจะถูกแบน TikTok จีนเคยแบนอะไรมาก่อนบ้าง
.
เรียกว่าร้อนระอุอย่างมากเลยสำหรับสถานการณ์ระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน และสำหรับผู้ที่กำลังต้องปาดเหงื่ออย่างหนักในศึกครั้งนี้คงต้องตกไปเป็นของยักษ์ใหญ่จากฝั่งเอเชียอย่างประเทศจีน ยกตัวอย่างจากเหตุการณ์ล่าสุดของการแบน Huawei และ ZTE ผู้ให้บริการโครงข่ายและระบบเน็ตเวิร์ก หรือจะเป็นแอปพลิเคชันสุดฮิตอย่าง TikTok ทั้งหมดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าด้วยความปลอดภัยและความมั่นคง
.
แต่ก่อนที่จีนจะโดนแบนแบบนี้ จีนก็เป็นผู้เริ่มแบนสื่อและสิ่งต่างๆ ของประเทศอื่นมาก่อนเช่นกัน ด้วยเหตุผลใน “ความมั่นคงของชาติ” เช่นกัน ไปดูกันว่าจีนได้แบนอะไรไปบ้าง
.
Google - ในที่นี้ไม่ได้หมายความแค่ Google Search แต่รวมถึงบริการทุกอย่างของ Google เนื่องจากรัฐบาลจีนขอให้คัดกรองเนื้อหาที่อ่อนไหวทางการเมืองแต่ Google ไม่ทำตามคำขอจึงถูกแบนไปในที่สุด อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานในประเทศจีนสามารถเข้าถึง Google Service ได้โดยการเข้าผ่าน VPN และ Google ยังได้ผลิตบริกาแผนที่อย่าง Chinese Google Maps เพื่อใช้สำหรับประเทศจีนโดยเฉพาะอีกด้วย
.
Facebook – โซเชียลมีเดียอับดับ 1 ที่มีผู้ใช้มากกว่า 2,600ล้านคนทั่วโลก โดนแบนจากเหตุการณ์ความขัดแย่งระหว่างชาวมุสลิมและชาวจีนฮั่นในจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือของซินเจียง โดยรัฐบาลจีนได้ขอข้อมูลผู้ก่อการร้ายแต่ Facebook ปฏิเสธเนื่องด้วยเห็นว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล
.
Instagram – เจ้าของเดียวกันกับ Facebook ถูกแบนมาได้ไม่นานในปี 2014 ที่ผ่านมานี้ จากเหตุการณ์การประท้วงในฮ่องกง ที่มีการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย และมีการถ่ายคลิปและรูปภาพอัปโหลดลงโซเชียลมีเดียต่างๆ จึงทำให้ Instagram หนีไม่พ้นโดนแบนไปด้วยอีกราย
.
Youtube – จากที่มีคลิปเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ชาวจีน ทำร้ายชาวธิเบต ออกมานั้นแต่ทางการออกมาให้การปฏิเสธและทำการแบน Youtube ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.
Twitter – หลังจากเกิดหตุการณ์การต่อต้านรัฐบาลเผด็จการในประเทศอาหรับ หรือ “อาหรับสปริง” ซึ่งส่งผลไปยังประเทศแถบตะวันออกกลางในหลายๆ ประเทศ ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าแม้ไม่ได้เกี่ยวข้อกับประเทศจีนโดยตรงแต่ด้วยกระแสการต่อต้านเผด็จการเป็นกระแสใน Twitter จึงทำให้จีนตัดไฟตั้งแต่ต้นลมโดยการแบน Twitter นั่นเอง
.
Pinterest, Snapchat – แอปพลิเคชันที่ดูไม่มีอันตรายใดๆ เป็นเพียงแอปหารูปและพูดคุยวิดีโอกับเพื่อน แต่เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้การควบคุมเนื้อหานอกประเทศเป็นไปได้ยาก รัฐบาลจึงตัดสินใจแบน 2 แอปพลิเคชันนี้โดยปริยาย
.
นอกจากเหล่าโซเชียลมีเดียที่โดนแบนแล้วนั้นเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงนับร้อยทั่วโลกก็ไม่สามารถเข้าผ่านอินเทอร์เน็ตที่ใช้ภายในประเทศจีนได้ ยกตัวอย่างเช่น
- Wikipedia : เว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์ แหล่งรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั่วทั้งโลก
- Twich : เว็บไซต์สำหรับการสตรีมเกมออนไลน์ของสตรีมเมอร์ทั่วโลก
- Pornhub : เว็บไซต์ประเภทสื่อออนไลน์ ที่มีเนื้อหาจัดอยู่ในกลุ่ม Pornography
- Blogspot : แพล็ตฟอร์มสำเร็จรูปสำหรับการทำบล็อกหรือเว็บไซต์
- Vimeo : เว็บไซต์ให้บริการฝากไฟล์วีดีโอโดยสามารถแชร์ไปยังที่อื่นได้
- Discord : แพล็ตฟอร์มการให้บริการติดต่อสื่อสารของเกมเมอร์ในรูปแบบข้อความ เสียง วิดีโอ และอื่นๆ
- Flickr : เว็บไซต์สำหรับเก็บรูปภาพดิจิตัล โดยอัพโหลดจากผู้ใช้งานเอง
- Amazon : เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังของโลก
- สำนักข่าวต่างประเทศ : เช่น BBC, Bloomberg, The New York Times, Reuters, SCMP เป็นต้น
.
ยังไม่พอ ภาพยนตร์ก็เป็นอีกเรื่องที่ทางการจีนเคร่งครัดอย่างมากโดยในแต่ละปี จะสามารถแสดงพาพยนตร์ต่างประเทศได้เพียง 34 เรื่องเท่านั้น โดยเนื้อหาจะถูกคัดกรองและเซ็นเซอร์อย่างหนักโดยรัฐบาล ซึ่งสิ่งใดที่พรรคคอมมิวนิสต์เห็นไม่สมควรก็จะไม่ได้รับการเผยแพร่ ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ถูกแบน เช่น Deadpool และ Suicide Quad ที่โดนแบนด้วยเหตุผลด้านความรุนแรง และมีภาพยนตร์ที่มีปรับก่อนฉายเช่น Titanic 3D ในฉากล่อแหลม และ Iron Man 2 ที่มีคำภาษารัสเซีย
.
“หมีพูห์” การ์ตูนยอดนิยมชื่อดังทั่วโลกที่มีคาแรกเตอร์แสนน่ารัก ก็กลับโดนแบนด้วยเหตุเพราะว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดนล้อว่าเหมือนหมีพูห์ โดยการล้อเลียนแบบนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของผู้นำนั้นเสียหาย เกิดความไม่เคารพเกิดขึ้น ทางการจึงต้องไล่ลบหมีพูห์ออกจากโซเชียลมีเดียทั้งหมด...
.
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสื่อและสิ่งที่โดนแบนในประเทศจีน ยังมีอีกหลายอย่างที่โดนแบนหรือต้องคัดกรองอย่างเข้มงวดโดยพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยเหตุผลของความมั่นคงของชาติ และทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศจีนไม่ได้เป็นผู้ถูกกระทำเพียงผ่ายเดียวเพราะจีนก็เลือกที่จะแบนสิ่งต่างๆ มากมาย ออกไปจากประเทศเช่นกัน
.
เนื่องจากการเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก พร้อมกับการปกครองในระบบสังคมนิยม ทำให้เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าการปกครองเช่นนี้ทำให้จีนนั้นเป็นประเทศที่มีอำนาจทั้งทางด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ที่ก้าวหน้าประเทศหนึ่งเลยก็ว่าได้
.
ที่มา : https://www.sanook.com/hitech/1505825/
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#China #America #tiktok
#Economic #business


Tags:

About author
not provided
รายการสร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายไฟฝันที่อยู่ในตัวคุณ ไม่ว่าใครก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้
View all posts